Month: พฤษภาคม 2024

บทนำ - พระคุณสำหรับวันนี้ | ต่อสู้ได้อย่างดี

ต่อสู้ได้อย่างดี

ผมรักเรื่องราวดีๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเฉลิมฉลองหรือโศกเศร้า บาดแผลหรือชัยชนะ วิตกกังวลหรือซึมเศร้า สำเร็จหรือล้มเหลว แต่ละเรื่องร้อยเรียงด้วยเส้นด้ายหลักถักทอเป็นผืนผ้า ในฐานะที่มีวิชาชีพด้านที่ปรึกษามากว่า 35 ปี ผมได้รับฟังเรื่องราวนับพัน ซึ่งเป็นสิทธิพิเศษที่ผมได้มีส่วนร่วมรับรู้ในชีวิตของแต่ละคนหรือในแต่ละครอบครัว และในการช่วยค้นหาทางออกเมื่อชีวิตต้องพบความท้าทาย หลายเรื่องราวมีส่วนคล้ายกัน รวมถึงชีวิตของผมเอง ซึ่งรายละเอียดอาจแตกต่างกันบ้าง แต่เส้นด้ายหลักยังคงเป็นเส้นเดียวกัน

ทุกชีวิตล้วนต้องต่อสู้ ไม่มีข้อยกเว้น เพียงแต่เราไม่สามารถมีชีวิตอยู่ในสภาวะที่ต้องต่อสู้ตลอดเวลาโดยไม่เห็นจุดจบได้ เราทุกคนมีแรงผลักดันที่ทำให้เราพยายามหาทางออกเสมอ แต่พลังงานส่วนใหญ่ของทั้งตัวเราและคนรอบข้างถูกใช้ไปเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ การทำให้ความทุกข์น้อยลงเป็นสิ่งแรกที่ทุกคนพยายามทำ และเราหวังว่าเมื่อถึงจุดหนึ่ง สุขภาพใจของเราจะแข็งแรง คือเป็นสภาวะที่มีสันติสุข มีความรื่นรมย์ในชีวิต และรู้สึกเติมเต็ม ปราศจากความเครียดและการดิ้นรนต่อสู้

อย่าเพิ่งเข้าใจผมผิด โลกนี้ยังคงเต็มไปด้วยความสวยงามมากมาย แต่ก็เหมือนที่ความงามไม่สามารถบดบังความแตกสลายทั้งหมดที่เราเห็นทั้งรอบตัวและในตัวเรา ความแตกสลายก็ไม่สามารถทำลายความงามทั้งหมดได้เช่นกัน สภาวะตึงเครียดระหว่างสองสิ่งนี้เป็นเหมือนเชื้อเพลิงที่ทำให้ความท้าทายนี้เกิดขึ้นเสมอในชีวิต พระเยซูคริสต์ทรงสอนให้สาวกเตรียมพร้อมสำหรับ “การทดลองและความโศกเศร้า” ในโลกนี้ (ยอห์น 16:33) เพราะพระองค์ทรงรู้ว่าพวกเขาจะพบความทุกข์ยากในชีวิต

ทำไมเราต้องต่อสู้ดิ้นรน? มีสองเหตุผลคือ ชีวิตเป็นเรื่องยาก และชีวิตมีความเจ็บปวด

ชีวิตเป็นเรื่องยาก ประโยคนี้อาจฟังดูเย็นชา แต่มันคือความจริง หากพูดกันตามตรง เราทุกคนไม่สมบูรณ์ อาศัยอยู่ในโลกที่ไม่สมบูรณ์ เต็มไปด้วยผู้คนที่ไม่สมบูรณ์ และความจริงคือ ชีวิตเป็นเรื่องยาก ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆ การดิ้นรนในชีวิตเป็นเรื่องปกติ แต่ในที่สุดทุกสิ่งจะสูญสลายไป รวมถึงการแก้ปัญหาแบบเร็วๆ หาคำตอบแบบเอาที่ง่าย เหมือนใช้เทปกาวซ่อมเท่าที่ทำได้ ที่พอแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ไม่ใช่ทางแก้ที่ยั่งยืนสำหรับความแตกสลายที่ร้าวลึกในตัวเราและรอบตัวเรา…

พยายามช่วยตัวเองให้รอด

หลายปีก่อนเมืองนิวยอร์กจัดทำโครงการ “ปลอดภัยไว้ก่อน ขอให้อยู่นิ่งๆ” เพื่อรณรงค์ให้ความรู้แก่ผู้คนเกี่ยวกับวิธีสงบสติอารมณ์และไม่เสี่ยงอันตราย เมื่อติดอยู่ในลิฟต์ ผู้เชี่ยวชาญรายงานว่าผู้โดยสารที่ติดอยู่บางคนเสียชีวิตเมื่อพวกเขาพยายามง้างประตูลิฟต์หรือพยายามออกไปด้วยวิธีอื่น แผนปฏิบัติที่ดีที่สุดคือกดปุ่มสัญญาณเตือนภัยเพื่อขอความช่วยเหลือและรอให้หน่วยกู้ภัยฉุกเฉินมาถึง

อัครทูตเปาโลระบุแผนการช่วยกู้ที่ต่างกันมาก คือเป็นการช่วยผู้ที่ติดอยู่ในบาปที่ดึงให้ตกต่ำลง ท่านเตือนชาวเอเฟซัสให้นึกถึงความหมดสิ้นหนทางในฝ่ายวิญญาณของตน ซึ่งแท้จริงแล้ว “ท่านตายแล้วโดยการละเมิด และการบาป” (อฟ.2:1) พวกเขาติดกับดักของการเชื่อฟังเจ้าแห่งย่านอากาศ (ข้อ 2) และปฏิเสธที่จะยอมจำนนต่อพระเจ้า ซึ่งส่งผลให้พวกเขาตกอยู่ภายใต้พระพิโรธของพระองค์แต่พระองค์ไม่ทรงปล่อยให้พวกเขาติดอยู่ในความมืดฝ่ายวิญญาณ และสำหรับผู้ที่เชื่อในพระเยซู เปาโลกล่าวว่า “ด้วยว่าซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณ” (ข้อ 5, 8) การตอบสนองต่อการช่วยกู้ของพระเจ้าส่งผลให้เกิดความเชื่อ และความเชื่อหมายความว่าเราจะเลิกพยายามช่วยตัวเองและร้องเรียกให้พระเยซูทรงช่วยกู้เรา

โดยพระคุณของพระเจ้า การช่วยให้รอดจากบ่วงแร้วของบาปไม่ได้เกิดจากตัวเราเอง แต่เป็น “ของประทานจากพระเจ้า” โดยทางพระเยซูแต่เพียงผู้เดียว (ข้อ 8)

ทะเลทรายที่ผลิดอกบาน

ศตวรรษก่อน ป่าที่เขียวขจีได้ปกคลุมพื้นที่ประมาณ 40%ของประเทศเอธิโอเปีย แต่ปัจจุบันเหลืออยู่ราว 4% การถางพื้นที่เพาะปลูกโดยไม่อาจพิทักษ์ป่าไว้ได้นำไปสู่วิกฤตด้านนิเวศน์วิทยา พื้นที่สีเขียวขนาดเล็กที่เหลืออยู่ส่วนใหญ่ได้รับการคุ้มครองจากคริสตจักร เป็นเวลาหลายศตวรรษที่คริสตจักรออร์โธดอกซ์ท้องถิ่นเทวาฮิโดแห่งเอธิโอเปียได้ทะนุบำรุงพื้นที่สีเขียวหรือแหล่งน้ำท่ามกลางทะเลทรายที่แห้งแล้ง หากคุณดูภาพถ่ายทางอากาศ คุณจะเห็นพื้นที่สีเขียวโดดเดี่ยวล้อมรอบด้วยทรายสีน้ำตาล ผู้นำคริสตจักรยืนยันว่าการดูแลต้นไม้คือส่วนหนึ่งของการเชื่อฟังพระเจ้าในฐานะผู้อารักขาสิ่งทรงสร้างของพระองค์

อิสยาห์ผู้เผยพระวจนะเขียนถึงคนอิสราเอลผู้ซึ่งอาศัยในดินแดนแห้งแล้ง เป็นทะเลทรายเวิ้งว้างและถูกคุกคามด้วยฤดูแล้งอันโหดร้าย และท่านบรรยายถึงอนาคตตามพระประสงค์ของพระเจ้าว่า “ถิ่นทุรกันดารและที่แห้งแล้งจะยินดี ทะเลทรายจะเปรมปรีดิ์และผลิดอก” (อสย.35:1) พระเจ้ามีน้ำพระทัยที่จะรักษาประชากรของพระองค์ และพระองค์มีพระประสงค์ที่จะรักษาโลกด้วย พระองค์จะ “สร้างฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่” (65:17) ในโลกที่พระเจ้าทรงสร้างใหม่นั้น “[ทะเลทราย]จะออกดอกอุดม” (35:2)

การที่พระเจ้าทรงดูแลสิ่งทรงสร้างรวมถึงประชากรของพระองค์ ดลใจให้เราดูแลสรรพสิ่งที่ทรงสร้างด้วย เราสามารถดำเนินชีวิตร่วมในแผนการสูงสุดของพระเจ้า เพื่อโลกที่ได้รับการเยียวยารักษานี้ได้ โดยเป็นผู้ดูแลสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง เราร่วมมือกับพระเจ้าได้ที่จะทำให้ความแห้งแล้งทุกชนิดอุดมไปด้วยชีวิตและความงดงาม

ดวงตาที่มองเห็น

จอยรู้สึกเป็นห่วงญาติชื่อแซนดี้ซึ่งต่อสู้กับโรคพิษสุราเรื้อรังและปัญหาสุขภาพจิตมานานหลายปี เมื่อเธอไปที่อพาร์ทเม้นท์ของแซนดี้ ประตูปิดล็อกไว้และดูเหมือนไม่มีคนอยู่ เมื่อเธอและคนอื่นๆวางแผนตามหาแซนดี้ จอยอธิษฐานว่า “ข้าแต่พระเจ้า ขอโปรดให้ข้าพระองค์เห็นในสิ่งที่ข้าพระองค์ไม่เห็น” ขณะที่พวกเขากำลังจะออกไป จอยหันกลับไปที่อพาร์ทเม้นท์และเห็นผ้าม่านขยับเบาๆ ชั่วขณะนั้นเองเธอรู้ว่าแซนดี้ยังมีชีวิตอยู่ แม้จะต้องขอความช่วยเหลือฉุกเฉินในการเข้าถึงเธอ แต่จอยดีใจที่คำอธิษฐานนี้ได้รับคำตอบ

ผู้เผยพระวจนะเอลีชารู้จักฤทธิ์เดชของการทูลขอให้พระเจ้าเปิดเผยถึงความเป็นจริงของพระองค์ เมื่อกองทัพซีเรียล้อมเมืองไว้ คนรับใช้ของเอลีชาตัวสั่นด้วยความกลัว เขามองเห็นสิ่งซึ่งไม่สามารถเห็นได้ไม่ใช่ด้วยความช่วยเหลือจากคนของพระเจ้าแต่จากพระเจ้าเอง แล้วเอลีชาอธิษฐานขอให้คนรับใช้นั้นมองเห็นด้วย และ “พระเจ้าทรงเบิกตาของชายหนุ่มคนนั้น” ให้เห็น “ที่ภูเขาก็เต็มไปด้วยม้า และรถรบเพลิง” (2 พกษ.6:17)

พระเจ้าทรงเปิดม่านที่กั้นระหว่างโลกฝ่ายวิญญาณกับโลกฝ่ายเนื้อหนังให้เอลีชากับคนรับใช้ของท่าน จอยเชื่อว่าพระเจ้าช่วยให้เธอมองเห็นผ้าม่านที่สั่นไหวเล็กน้อย ซึ่งทำให้เธอมีความหวัง พวกเราเองก็ทูลขอให้พระองค์ประทานการมองเห็นฝ่ายวิญญาณแก่เราเพื่อจะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวได้ ไม่ว่าจะกับคนที่เรารักหรือในชุมชนของเรา และเราสามารถเป็นตัวแทนของความรัก ความจริง และความเมตตาของพระองค์ได้เช่นกัน

ของประทานจากพระเจ้า

หลายสิบปีก่อนผมไปค่ายของวิทยาลัยที่ทุกคนพูดถึงแบบประเมินบุคลิกภาพ คนหนึ่งบอกว่า “ฉันเป็น ISTJ!” อีกคนส่งเสียงสดใส “ฉันเป็น ENFP” ผมรู้สึกงง จึงล้อเล่นว่า “ผมเป็น ABCXYZ”

ตั้งแต่นั้นมาผมได้เรียนรู้มากมายเกี่ยวกับแบบประเมินนั้น (ของมายเยอส์บริกส์) และแบบประเมินอื่นๆ เช่น การประเมินลักษณะนิสัย ผมพบว่าสิ่งเหล่านี้น่าสนใจเพราะจะช่วยให้เราเข้าใจตนเองและผู้อื่นในแง่ที่เป็นประโยชน์และเผยให้เราเห็นถึงความชอบ จุดแข็งและจุดอ่อนของเรา หากเราไม่ใช้แบบประเมินต่างๆเหล่านี้มากเกินไป สิ่งเหล่านั้นอาจเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ที่พระเจ้าใช้เพื่อช่วยให้เราเติบโต

พระคัมภีร์ไม่ได้นำเสนอแบบประเมินบุคลิกภาพกับเรา แต่พระคัมภีร์ยืนยันถึงเอกลักษณ์ของแต่ละคนในสายพระเนตรของพระเจ้า (ดู สดด.139:14-16, ยรม.1:5) และแสดงให้เห็นว่าพระเจ้าทรงจัดเตรียมให้เราทุกคนมีลักษณะเฉพาะ และของประทานพิเศษเฉพาะตัวเพื่อรับใช้ผู้อื่นในอาณาจักรของพระองค์อย่างไร ในโรม 12:6 เปาโลอธิบายความคิดนี้ เมื่อท่านบอกว่า “เราทุกคนมีของประทานที่ต่างกัน ตามพระคุณที่ได้ประทานให้แก่เรา”

เปาโลอธิบายว่าของประทานเหล่านั้นไม่ใช่เพื่อเราแต่เพียงผู้เดียว แต่มีจุดประสงค์เพื่อรับใช้คนของพระเจ้านั้นคือพระกายของพระคริสต์ (ข้อ 5) ของประทานเหล่านั้นแสดงถึงพระคุณและความประเสริฐของพระองค์ ซึ่งทำงานในเราและผ่านเราทุกคน ของประทานเหล่านั้นเชื้อเชิญให้เราแต่ละคนเป็นภาชนะพิเศษในการรับใช้พระเจ้า

เชื่อฟังด้วยความรัก

ในพิธีแต่งงานของเรา ผู้ประกอบพิธีกล่าวกับฉันว่า “คุณสัญญาว่าจะรัก ให้เกียรติและเชื่อฟังสามีของคุณ จนกว่าความตายจะแยกจากกันไหม” ฉันชำเลืองมองคู่หมั้น แล้วกระซิบว่า “เชื่อฟังเหรอ” เราสร้างความสัมพันธ์ของเราด้วยความรักและความเคารพ ไม่ใช่การเชื่อฟังอย่างมืดบอดตามที่คำปฏิญาณดูเหมือนจะบอกเป็นนัย พ่อของสามีถ่ายรูปตอนฉันเบิกตากว้างขณะประมวลผลคำว่า เชื่อฟัง แล้วตอบว่า “ฉันสัญญา”

ตลอดหลายปีที่ผ่านมาพระเจ้าเปิดเผยว่า การที่ฉันต่อต้านคำว่า เชื่อฟัง ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนอย่างยิ่งระหว่างสามีกับภรรยา ฉันเข้าใจว่า เชื่อฟัง หมายถึง “ถูกบีบคั้น” หรือ “ยอมเพราะถูกบังคับ” ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่พระคัมภีร์สนับสนุน ตรงกันข้ามคำว่า เชื่อฟัง ในพระคัมภีร์แสดงถึงวิธีต่างๆ ที่เราจะรักพระเจ้าได้ เมื่อฉันกับสามีฉลองครบรอบแต่งงานสามสิบปี เรายังคงเรียนรู้ที่จะรักพระเยซูและรักกันและกันโดยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์

เมื่อพระเยซูตรัสว่า “ถ้าท่านทั้งหลายรักเรา ท่านก็จะประพฤติตามบัญญัติของเรา” (ยน.14:15) ทรงแสดงให้เราเห็นว่าการเชื่อฟังพระคัมภีร์นั้นเป็นผลลัพธ์ที่มาจากความรักและความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกับพระองค์อย่างสม่ำเสมอ (ข้อ 16-21)

ความรักของพระเยซูนั้นไม่คำนึงถึงตัวเอง ไม่มีเงื่อนไขและไม่เคยบังคับหรือกดขี่ เมื่อเราติดตามและถวายเกียรติแด่พระองค์ในความสัมพันธ์ทั้งหมดของเรา พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงช่วยให้เราเห็นว่า การเชื่อฟังพระองค์เป็นการแสดงถึงความไว้วางใจและการนมัสการที่กอปรด้วยปัญญาและเปี่ยมด้วยความรัก

น้ำตาแห่งความปีติยินดี

เช้าวันหนึ่งเมื่อดีนออกจากบ้าน เขาพบเพื่อนๆถือลูกโป่งรออยู่ โจชเพื่อนของเขาก้าวออกมา “เราส่งบทกวีของนายเข้าประกวด” เขาพูดก่อนจะยื่นซองหนึ่งให้ดีน ข้างในเป็นการ์ดที่เขียนว่า “รางวัลที่หนึ่ง” และจากนั้นทุกคนก็ร้องไห้ด้วยความยินดี เพื่อนของดีนทำสิ่งซึ่งสวยงามอันเป็นการรับรองความสามารถในการเขียนของเขา

การร้องไห้ด้วยความปีติยินดีเป็นประสบการณ์ที่ดูเหมือนขัดแย้งกัน ปกติแล้วน้ำตาเป็นปฏิกิริยาตอบสนองต่อความเจ็บปวด ไม่ใช่ความปีติยินดี และความปีติยินดีปกติแล้วจะแสดงออกด้วยเสียงหัวเราะไม่ใช่น้ำตา นักจิตวิทยาชาวอิตาลีตั้งข้อสังเกตว่า น้ำตาแห่งความปีติยินดีเกิดขึ้นในเวลาที่มีความหมายอย่างลึกซึ้งเป็นส่วนตัว เช่น เมื่อเรารู้สึกได้รับความรักอย่างสุดซึ้งหรือบรรลุเป้าหมายสำคัญ สิ่งนี้ทำให้พวกเขาสรุปว่าน้ำตาแห่งความปีติยินดีเป็นตัวบ่งบอกถึงความหมายของชีวิต

ผมจินตนาการถึงน้ำตาแห่งความปีติที่หลั่งออกมาในทุกแห่งที่พระเยซูเสด็จไป พ่อแม่ของชายตาบอดแต่กำเนิดจะไม่ร้องไห้ด้วยความปีติยินดีได้อย่างไรเมื่อพระเยซูทรงรักษาลูกของเขา (ยน.9:1-9) หรือมารีย์กับมารธาเมื่อพระองค์ทรงให้น้องชายของนางฟื้นจากความตาย (11:38-44) เมื่อประชากรของพระเจ้าถูกนำเข้าสู่โลกที่ได้รับการฟื้นฟู พระเจ้าตรัสว่า “เขาจะมาด้วยการร้องไห้ [น้ำตาแห่งความปีติยินดี] และเราจะนำเขากลับ [บ้าน] ด้วยการเล้าโลมใจ” (ยรม.31:9)

หากน้ำตาแห่งความปีติยินดีแสดงให้เราเห็นความหมายของชีวิต ขอให้นึกถึงวันอันยิ่งใหญ่ที่จะมาถึง ขณะที่น้ำตาไหลอาบใบหน้าของเรา เราจะรู้โดยไม่สงสัยเลยว่า ความหมายของชีวิตก็คือการได้อยู่กับพระองค์อย่างใกล้ชิดตลอดไป

ชัยชนะแห่งความเชื่อ

การตรวจสุขภาพตามปกติของคาลวินน้อยวัยสี่ขวบ เผยให้เห็นจุดที่ไม่คาดคิดสองสามจุดบนร่างกายของเขา ขณะไปพบแพทย์เขาได้รับการฉีดยาและบริเวณที่ฉีดยาถูกปิดไว้ด้วยผ้าปิดแผล เมื่อถึงเวลาต้องแกะพลาสเตอร์เล็กๆออก คาลวินร้องไห้กระซิกด้วยความกลัว พ่อพยายามปลอบลูกชายว่า “คาลวิน ลูกรู้ว่าพ่อไม่มีวันทำให้ลูกเจ็บ” พ่อต้องการให้ลูกชายไว้ใจเขามากกว่าที่จะกลัวการแกะผ้าปิดแผล

ไม่ใช่แค่เด็กอายุสี่ขวบที่รู้สึกกลัวเมื่อเผชิญกับความรู้สึกไม่สบายใจ ทั้งการผ่าตัด การพลัดพรากจากบุคคลอันเป็นที่รัก เรื่องที่เป็นอุปสรรคทางความคิดหรือจิตใจ และอื่นๆอีกมากที่กระตุ้นให้เรากลัว ทอดถอนใจ ร้องไห้ และคร่ำครวญ

ช่วงเวลาหนึ่งที่ดาวิดเต็มไปด้วยความกลัว คือตอนที่พบว่าตัวท่านอยู่ในดินแดนฟิลิสเตียขณะหลบหนีกษัตริย์ซาอูลที่อิจฉาริษยา เมื่อมีคนจำดาวิดได้ ท่านจึงหวาดวิตกว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับท่าน (ดู 1 ซมอ.21:10-11) “ดาวิด...กลัวอาคีช กษัตริย์เมืองกัท” (ข้อ 12) เมื่อครุ่นคิดถึงสถานการณ์ที่ไม่สบายใจนี้ ดาวิดประพันธ์ว่า “เมื่อข้าพระองค์กลัว ข้าพระองค์วางใจในพระองค์...ในพระเจ้า ข้าพระองค์วางใจอย่างปราศจากความกลัว” (สดด.56:3-4)

เราจะทำอย่างไรเมื่อความไม่สบายใจในชีวิตกระตุ้นความกลัวของเรา เราสามารถไว้วางใจพระบิดาในสวรรค์ของเราได้

คำอธิษฐานสำคัญ

“ขออธิษฐานเผื่อการสแกนสมองที่จะเกิดขึ้น” “ที่ลูกๆของฉันจะกลับมาโบสถ์” “ที่เดฟจะได้รับการปลอบประโลมใจจากการสูญเสียภรรยา” ในแต่ละสัปดาห์ทีมผู้รับใช้ของเราได้รับบัตรรายการที่มีคำขอให้อธิษฐานเผื่อทำนองนี้เพื่อเราจะอธิษฐานและส่งข้อความที่เขียนด้วยลายมือไปให้แต่ละคน คำขอนั้นล้นหลามและความพยายามของเราอาจดูเล็กน้อยและไม่มีใครสังเกตเห็น แต่สิ่งนี้เปลี่ยนไปหลังจากที่ฉันได้รับการ์ดขอบคุณจากใจของเดฟสามีผู้สูญเสีย พร้อมกับสำเนาข่าวมรณกรรมของภรรยาอันเป็นที่รักของเขา ฉันจึงได้ตระหนักอีกครั้งว่าคำอธิษฐานนั้นมีความสำคัญ

พระเยซูทรงเป็นแบบอย่างว่าเราควรอธิษฐานอย่างกระตือรือร้น เป็นประจำ และด้วยความเชื่อที่เปี่ยมด้วยความหวัง เวลาของพระองค์บนโลกมีจำกัด แต่พระองค์ให้ความสำคัญกับการออกไปอธิษฐานตามลำพัง (มก.1:35; 6:46; 14:32)

หลายร้อยปีก่อนหน้านั้นกษัตริย์เฮเซคียาห์แห่งอิสราเอลก็ได้เรียนรู้บทเรียนนี้เช่นกัน ทรงได้รับคำทูลว่าความเจ็บป่วยจะคร่าชีวิตพระองค์ในไม่ช้า (2 พกษ.20:1) เฮเซคียาห์ “ทรงหันพระพักตร์เข้าข้างฝา และอธิษฐานต่อพระเจ้า” (ข้อ 2) ด้วยความทุกข์ใจและได้กันแสงอย่างขมขื่น ในเหตุการณ์นี้พระเจ้าทรงตอบทันที ทรงรักษาพระอาการประชวรของเฮเซคียาห์ ประทานชีวิตยืนยาวอีก 15 ปี และทรงสัญญาว่าจะช่วยกู้อาณาจักรจากมือศัตรู (ข้อ 5-6) พระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานไม่ใช่เพราะเฮเซคียาห์ทรงดำเนินชีวิตดีงาม แต่ “เพื่อเห็นแก่ [พระเจ้า]เอง และเพื่อเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ของ [พระเจ้า]” (ข้อ 6) เราอาจไม่ได้รับสิ่งที่ทูลขอในทุกครั้ง แต่เรามั่นใจได้ว่าพระเจ้าทรงกำลังกระทำกิจในคำอธิษฐานและผ่านคำอธิษฐานทุกคำ

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา